โบรกเกอร์ Forex คือหนึ่งในผู้ให้บริการที่นักเทรดจำเป็นมากที่จะต้องเลือกให้ตรงกับสไตล์การเทรดของตนเอง ที่สำคัญโบรกเกอร์จะต้องมีความปลอดภัย รวมไปถึงความน่าเชื่อถือด้วย ในช่วงเวลาที่ผ่านมาสำหรับนักเทรดก็คงจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า มีหลายโบรกเกอร์เลยที่ไม่น่าไว้วางใจ หรือ มีข้อเสียมากกว่าข้อดี รู้สึกได้ว่าการเทรดในแต่ละครั้งนั้นถูกเอารัดเอาเปรียบเกินกว่าที่หลายคนจะยอมรับได้ สำหรับในบทความนี้พวกเราจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีคัดสรร เป็นคู่มือที่เอาไว้เลือกโบรกเกอร์ Forex ให้มีความปลอดภัย และ เชื่อถือได้ โดยจะมีรายละเอียดและข้อมูลต่าง ๆ ที่โบรกเกอร์ที่คุณเลือกอยู่ควรมีจะต้องมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ตรวจสอบใบอนุญาตและการกำกับดูแล
จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ตลาด Forex ในประเทศไทยนั้นเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าหลาย ๆ โบรกเกอร์ก็มีการแข่งขันกันได้สูงมากขึ้น อย่างไรก็ตามก่อนที่จะหลงเชื่อในโปรโมชั่น ลด แลก แจก หรือ แถม ของผู้ให้บริการรายนั้น พวกเราควรจะทราบก่อนว่า “มีใบอนุญาต หรือ การกำกับดูแล” จากองค์กรชั้นนำใดบ้าง ซึ่งจะมีปัจจัยสำคัญเป็นองค์ประกอบดังนี้
5 อันดับ หน่วยงานกำกับดูแลที่เชื่อถือได้
โบรกเกอร์ที่คุณกำลังศึกษา หรือ คิดที่จะใช้งานนั้น สามารถวัดระดับได้เหมือนกันว่าอยู่ใน Ranking ใด โดยพวกเราจะขออธิบายและให้เหตุผลของข้อมูลดังต่อไปนี้
หากโบรกเกอร์มีใบอนุญาตเหล่านี้ แสดงว่าอยู่ในระดับความน่าเชื่อถือสูง
- อันดับ 1 Financial Conduct Authority (FCA)
- เป็นหน่วยงานที่มีการดูแลความโปร่งใส และ ความเป็นธรรมในตลาดการเงิน และ ควบคุมโบรกเกอร์ Forex
- อันดับ 2 Australian Securities and Investments Commission (ASIC)
- เป็นหน่วยงานกำกับดูแลการเงินของอสสเตรเลีย มีมาตรฐานการทำงานสูง
- อันดับ 3 Commodity Futures Trading Commission (CFTC)
- เป็นหน่วยงานของสหรัฐอเมริกา ที่ดูแลตลาดฟิวเจอร์ส รวมทั้ง Forex ด้วย
- อันดับ 4 Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC)
- เป็นหน่วยงานกำกับดูแลในไซปรัสที่ดูแลโบรกเกอร์ Forex
- อันดับ 5 Financial Services Authority (FSA)
- เป็นหน่วยงานกำกับดูแลในญี่ปุ่น ที่จะดูแลการทำงานของโบรกเกอร์ Forex
ติดตามอ่านรายละเอียดของ ใบอนุญาตของโบรกเกอร์ทั้งหมดได้ที่นี่
โบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลดีอย่างไร ?
- ได้รับทราบว่าไม่ใช่โบรกเกอร์เถื่อน
- ยืนยันอายุของการเปิดให้บริการ และ การดูแลลูกค้าตลอด 5-10 ปีขึ้นไป
- อยู่ในตลาด Forex ได้อย่างเข้มแข็งในทุกสถานการณ์
รูปที่ 1: 5 อันดับหน่วยงานกำกับดูแลที่เชื่อถือได้
ตรวจสอบคุณภาพของแพลตฟอร์มการเทรด
เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับ เทรดเดอร์คนไทยเลยก็ว่า เพราะไม่มีใครอยากจะใช้แพลตฟอร์มเทรดที่ค้าง ช้า หรือ มีความผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง โดยจะรายละเอียดในการตรวจสอบ และ เป็นข้อมูลในการตัดสินใจตามหัวข้อดังต่อไปนี้
ความเสถียรและความเร็วของแพลตฟอร์ม
- คำว่าเสถียร สามารถแปลได้ตรงตัวอีกหนึ่งบริบทคือ ความนิ่งของกราฟ ไม่มีค้าง ไม่มีโหลดช้า ไม่มีหน่วง
- ความเร็ว หมายถึง ความในการใช้งานฟังก์ชั่นต่าง ๆของแพลตฟอร์ม ตั้งแต่การใช้งาน Indicator รวมไปถึง การเข้าออเดอร์
ฟังก์ชันและเครื่องมือการวิเคราะห์
- มีฟังก์ชั่นการใช้งานแบบใดบ้าง เช่น One Click Trading หรือ ฝาก-ถอน-เทรด ผ่านแพลตฟอร์มได้หรือไม่
- เครื่องมือวิเคราะห์ Indicator มีให้ใช้งานได้อย่างครบครันหรือไม่ เช่น
- Moving Averages
- Relative Strength Index (RSI)
- Moving Average Convergence Divergence (MACD)
- Bollinger Bands
ความสะดวกในการใช้งานและการเข้าถึง
- เริ่มตั้งแต่การดาวน์โหลดแพลตฟอร์ม
- ใช้งานได้สะดวกสำหรับ Android และ Ios
การอัพเดตและการบำรุงรักษาแพลตฟอร์ม
จุดด้อยของโบรกเกอร์หลาย ๆ เจ้าเลยที่ปล่อยละเลยในเรื่องของแพลตฟอร์มการให้บริการที่แย่ ดังนั้น ความสะดวกในการใช้งาน แสดงถึงความใส่ใจของผู้ให้บริการที่สนใจเทรดเดอร์ทุกระดับ
รูปที่ 2: คุณภาพของแพลตฟอร์มที่ดี ฟังก์ชั่นการใช้งานสำหรับนักเทรด
ตรวจสอบความโปร่งใสและเงื่อนไขการเทรด
ในเรื่องเงื่อนไขการเทรดจะค่อนข้างลึกนิดหนึ่งสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่อาจจะยังมีความเข้าใจน้อย เพราะในเรื่องของเงื่อนไขราคา ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เราจะต้องตรวจสอบเรื่องสำคัญดังต่อไปนี้
เงื่อนไขค่าสเปรดและค่าคอมมิชชั่น
- ค่า Spread หมายถึงจุดที่นักเทรดต้องรู้ว่าบัญชีที่ตนเองใช้นั้นมีค่าสเปรดอยู่ที่เท่าไหร่ รวมไปถึง ค่าคอมมิชชั่นด้วย อย่างต่ำแล้วค่าสเปรดไม่ควรสูงมากเกินไปเพราะจะถือว่าเอาเปรียบเทรดเดอร์
- ค่า Commission โดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ประมาณ 1 Lot ต่อ $7 แต่ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบางโบรกเกอร์ครับ
นโยบายเกี่ยวกับเลเวอเรจ (Leverage)
- ค่า Leverage หากเกินกว่า 1:100 ขึ้นไปนั้นเปรียบได้เลยว่าไม่ใช่โบรกเกอร์ที่ส่งราคาตลาดโดยตรง ที่สำคัญ เลเวอเรจที่ให้บริการของแต่ละโบรกเกอร์ยิ่งสูงก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากในการเทรด เพราะสามารถเพิ่ม Lot ได้ตาม Balance ของบัญชี
เงื่อนไขการฝากและถอนเงิน
- สำหรับในข้อนี้แล้ว สำหรับเทรดเดอร์คนไทยควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีการฝาก-ถอน อยู่ในระดับปานกลาง
- ช่องทางในการฝาก-ถอน สะดวก
- ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝาก-ถอน
- เวลาในการฝาก-ถอน ตรงตามที่ได้ระบุเอาไว้
หากได้ศึกษาแล้วว่า มีความโปร่งใสในด้านเงื่อนไขการเทรด ที่ยอมรับได้ ไม่เอาเปรียบผู้ใช้งานจนเกินความเป็นจริงนั้น ก็ถือว่าน่าสนใจ หากโบรกเกอร์ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวผู้เขียนก็ต้องแนะนำว่าไม่มีความน่าเชื่อถือครับ
รูปที่ 3: ค่าสเปรดควรมีระบุชัดเจน ทดสอบจากบัญชีเดโม และ การฝาก-ถอนเงิน ที่โปร่งใส
ทดลองใช้บัญชีทดลอง (Demo Account)
ถึงแม้ใคร ๆ จะบอกว่าบัญชี Demo นั้นไม่ได้มีผลอะไร แต่บอกเลยว่ามันบ่งบอกถึงความลื่นไหลของผู้ให้บริการ อีกทั้งยังสามารถทดสอบบัญชีได้หลายประเภท นี่แหละคือคู่มือชั้นดีเลยทีเดียวสำหรับข้อมูลในการตัดสินใจใช้งาน
- ได้ทดสอบประเภทของบัญชีที่จะทำการเทรด หรือ ลงทุน
- ได้ทดสอบ การตั้ง Pending Order ตรวจสอบ Requote ของราคา
- ได้ทดสอบ Slippage ว่ามีเปอร์เซ็นต์เกิดขึ้นบ่อยหรือไม่
- ทดสอบความลื่นไหลของกราฟ การวิ่งของราคา ในช่วงเวลาต่าง ๆ
- ตลาดเปิด
- ช่วงประกาศตัวเลขข่าว
- ในขณะที่มีวอลลุ่มการซื้อขายมาก
รูปที่ 4: ตัวอย่างการทดสอบบัญชีเดโม เรียนรู้ได้มากถึงสภาพคล่องของโบรกเกอร์
ตรวจสอบการสนับสนุนลูกค้า
เปรียบดั่งเหมือนเราใช้บริการทั่วไป โบรกเกอร์ Forex ก็เช่นเดียวกัน ควรมีการตอบกลับในการสนับสนุนลูกค้าอย่างมีเหตุผล และ รวดเร็ว การตอบคำถามที่ดีในฝ่ายสนับสนุน Support ควรที่จะดีด้วยเช่นเดียวกัน
ช่องทางการติดต่อและความพร้อมใช้งาน
สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องยากที่สุดเลยก็คือ ช่องทางในการติดต่อกับโบรกเกอร์ ดังนั้นคู่มือในการเลือกใช้โบรกเกอร์ที่ดี ควรที่จะเจอทีมหลังบ้านเป็นคนไทย เพราะจะสื่อสารกันได้อย่างง่าย เพราะจะสามารถแก้ปัญหา และ ให้คำแนะนำได้อย่างง่าย
แต่สำหรับใครที่เลือกใช้บริการโบรกเกอร์ที่ไม่มีทีมงานเป็นคนไทย ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละบุคคลนั่นเองครับ แต่สิ่งสำคัญคือการตอบสนองต่อปัญหาของเราได้อย่างรวดเร็ว และ แก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง นี่แหละคือหัวใจสำคัญของทีมสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นแบบไหน
รูปที่ 5: โบรกเกอร์ที่ดี ทีมซัพพอร์ต ช่วยเหลือต้องดีด้วย ตอบคำถามได้ตรงประเด็น รวดเร็ว และ ดูแลอย่างเท่าเทียม
ตรวจสอบความคิดเห็นและรีวิวจากผู้ใช้
การศึกษาหาข้อมูลจากแหล่งอื่นมาเปรียบเทียบกัน ก็จะพบถึงข้อแตกต่าง ทั้งข้อดี – ข้อเสีย ของโบรกเกอร์ในหลาย ๆ ด้าน ดังนั้นก็ต้องเลือกและพิจารณาความคิดเห็นอย่างมีหลักฐาน และ เหตุผล ซึ่งจะขอแนะนำดังหัวข้อต่อไปนี้ครับ
แหล่งที่มาของความคิดเห็นและรีวิว
โดยส่วนใหญ่แล้วการหาข้อมูลจากผู้ใช้งานจริง หรือ การรีวิว เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องถกเถียง เนื่องจากข้อมูลภายในเว็บไซต์ Trustpilot หรือ Forex Peace Army ก็มักจะต้องพบกับความคิดเห็นที่มีเชิงลบ หลอกลวงเยอะ แต่สำหรับในประเทศไทยแล้วสิ่งที่จะสามารถสะท้อนได้ดีที่สุดคือ สอบถามภายในกลุ่มเทรดเดอร์ทั่วไป เพราะมีผู้ที่ใช้งานจริงมาแล้ว ออกมารีวิวและพูดถึงมากมาย
บางครั้งการหาข้อมูลจากหลาย ๆ ที่ก็เป็นเรื่องที่ดีให้เราเปรียบเทียบความน่าใช้งาน แต่ก็ต้องมองหาข้อมูลที่เป็นกลาง เชื่อถือได้ บทความรีวิวโบรกเกอร์อาจจะบอกไม่ได้ละเอียดมากถึงเรื่องลึก ๆที่นักเทรดหลายคนเคยเจอนั่นเอง
ถึงแม้ว่าในเรื่องของความคิดเห็นจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก เพราะเทรดเดอร์แต่ละคนพบปัญหา หรือ มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ดังนั้นในเรื่องนี้ควรที่จะทดสอบการใช้บริการจริงถึงจะเห็นผลมากที่สุด
รูปที่ 6:ผู้ใช้งานจริง ได้รีวิวจาก Facebook กลุ่มนักเทรด เกี่ยวกับรีวิวโบรกเกอร์
การคัดสรรโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของนักเทรด เป็นเรื่องที่ค่อนข้างที่จะให้คำตอบเฉพาะคนได้ค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่แล้วจะต้องทดสอบการใช้งาน และ อยู่ในระดับความพึงพอใจ อย่างไรก็ตามข้อมูลข้างต้นที่พวกเราแนะนำ คือ คู่มือในการที่จะช่วยให้คุณได้ตัดสินใจเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ Forex ให้ปลอดภัย และ เชื่อถือได้ สิ่งสำคัญคือ กลยุทธ์ และ แผนการเทรดที่ต้องมีเป็นท่าไม้ตาย และสิ่งสำคัญคือความอดทนและมีวินัย เพราะสำหรับนักเทรดแล้วเคล็ดลับเฉพาะบุคคลจะมาบอกกันไม่ได้