10 วิธี เริ่มเทรด Forex: จากพื้นฐานสู่การสร้างกำไรอย่างมืออาชีพ

10 วิธี เริ่มเทรด Forex จากพื้นฐานสู่การสร้างกำไรอย่างมืออาชีพ

สำหรับการเทรด Forex นั้นเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากหารายได้เสริม หรือ พัฒนาตนเองจนกลายเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ ซึ่งถูกมองว่าเป็นช่องทางการหาเงินที่ง่าย รวดเร็ว ไม่ต้องลงแรง แต่สิ่งที่ต้องใช้ก็คือความรู้ความสามารถ รวมไปถึงวินัยและจิตวิทยา หากคุณเองเรียนรู้ไม่พอ หรือ ไม่สามารถควบคุมตนเองได้นั่นก็จะกลายเป็นคมดาบที่ทำให้คุณหมดตัวได้นั่นเอง โดยพวกเราจึงแนะนำ 10 วิธีเริ่มเทรด Forex ที่จะเริ่มกันตั้งแต่พื้นฐาน ไปจนถึงแนวทางในการสร้างกำไรอย่างมืออาชีพ ซึ่งพวกเราได้รวบรวมใจความสำคัญมาให้อ่านกันแบบเข้าใจง่ายแล้วในบทความนี้

เรียนรู้พื้นฐานของ Forex

การเริ่มเรียนรู้จากพื้นฐานของการเทรด Forex ไปทีละขั้น ถือว่าเป็นคำแนะนำที่ดีมากสำหรับมือใหม่ โดยจะขออธิบายได้ดังต่อไปนี้

การทำงานของตลาด

  • Forex (Foreign Exchange) หมายถึง การซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ เป็นตลาดยอดนิยม เพราะใหญ่ที่สุดในโลก มีปริมาณซื้อขายต่อวันมาก
  • ตลาดจะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ตลอดทุกวัน จันทร์-ศุกร์
  • วันเสาร์-อาทิตย์ ตลาดจะให้บริการ คริปโคเคอเรนซี / ดอลลาร์สหรัฐ
    • BTC/USD
    • ETH/USD
  • ช่วงเวลาของการเปิดตลาดจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงได้แก่
    • ตลาดเอเชีย
    • ตลาดยุโรป
    • ตลาดสหรัฐอเมริกา

Forex ซื้อขายอะไรได้บ้าง?

  • คู่สกุลเงิน
    • EUR/USD (นิยม)
    • USD/JPY (นิยม)
  • สกุลเงินดิจิทัล
    • BTC/USD (นิยม)
    • ETH/USD (นิยม)
  • สินค้าโภคภัณฑ์
    • XAU/USD ทองคำ (นิยม)
  • ดัชนี
  • หุ้น
  • ตราสารหนี้
  • อนุพันธ์ทางการเงิน

ตัวอย่างการอ่านราคา:

สมมติว่าคุณเห็นคู่สกุลเงิน EUR/USD ที่ราคา 1.2050/1.2053:

  • ราคาเสนอซื้อ (Bid Price): 1.2050
  • ราคาเสนอขาย (Ask Price): 1.2053
  • สเปรด: 1.2053 – 1.2050 = 3 pips

การเปลี่ยนแปลงราคา (Price Movement):

  • ทิศทางการเคลื่อนไหว จะถูกเรียกว่า
      • ราคาอาจเคลื่อนไหวขึ้น (bullish
      • ราคาเคลื่อนไหวลงเรียก (bearish)

ประเภทคำสั่ง

  • BUY LIMIT
    • เมื่อกำหนด Buy Limit กราฟราคาวิ่งผ่านจะเปิดออเดอร์ Buy
  • SELL LIMIT
    • เมื่อกำหนด Sell Limit กราฟราคาวิ่งผ่านจะเปิดออเดอร์ Sell
  • BUY STOP
    • เมื่อกำหนด Buy Stop กราฟราคาวิ่งผ่านจะเปิดออเดอร์ Buy
  • SELL STOP
    • เมื่อกำหนด Sell Stop กราฟราคาวิ่งผ่านจะเปิดออเดอร์ Sell

รูปที่ 1: แสดงพื้นฐานของ Forex ที่คุณต้องรู้

เลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้

ความได้เปรียบในการเทรด Forex คือการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม ทั้งเรื่องของระบบการเทรด ความน่าเชื่อถือ และ การบริการ สามารถอธิบายได้ดังต่อไปนี้ครับ

ความน่าเชื่อถือ

  • ใบอนุญาตที่ได้รับการกำกับดูแลที่ตรวจสอบได้
    • FCA
    • ASIC
  • อายุการให้บริการของโบรกเกอร์
    • ต่ำกว่า 5 ปี ความน่าเชื่อถือต่ำ
    • มากกว่า 5 ปี ไม่ถึง 10 ปี ความน่าเชื่อถือปานกลาง
    • มากกว่า 10 ปี ความน่าเชื่อถือสูง (ทำรูป)
  • การศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้
    • รีวิวจาก Trust Pilot
    • รีวิวจาก Forex Peace Army
    • รีวิวจากเว็บไซต์รีวิวโบรกเกอร์
    • รีวิวจากเทรดเดอร์ผู้ใช้งานจริง

ค่าบริการของโบรกเกอร์

  • ค่า Spread ไม่เกินความเป็นจริง
  • ค่า Leverage
  • ค่าคอมมิชชั่น
  • ค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน

ความลื่นไหลของการเทรด

  • ตรวจสอบจากรีวิวโบรกเกอร์ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ
  • ตรวจสอบจากกลุ่มนักเทรดเกี่ยวกับ โบรกเกอร์
  • สอบถามจากเทรดเดอร์ผู้ใช้งานจริง หรือ ความคิดเห็นจากกลุ่มเทรด

การให้บริการของโบรกเกอร์

  • การดูแลระบบหลังบ้าน
    • การให้ข้อมูลทางด้านรายละเอียดอื่น ๆ ที่สำคัญ
    • มีผู้จัดการบัญชีส่วนตัว
  • การให้บริการในส่วนของความช่วยเหลือ
  • สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด และ ชัดเจน

รูปที่ 2: ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ อ่านรีวิว และ หาข้อมูลที่เชื่อถือได้

เปิดบัญชีเทรดและทำความเข้าใจแพลตฟอร์ม

เลือกบัญชีเทรด

ถือได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะบัญชีเทรดแต่ละแบบนั้นตอบโจทย์แตกต่างกัน ความน่าสนใจก็คือ รายละเอียดของค่าบริการมักจะต่างกันด้วย

สำหรับมือใหม่

  • เลือกบัญชีเทรดแบบ Cent / Micro
    • ใช้สำหรับทดสอบตลาด ทดสอบแผน สำหรับผู้เริ่มต้น
    • ได้กำไร และ ขาดทุน ในจำนวนที่น้อย

สำหรับมือสมัครเล่น และ มืออาชีพ

  • เลือกบัญชีแบบ Standard
    • การเข้าสู่ตลาดจริง มีความรู้เรื่องการเทรด และ มีแผนในการเทรด
    • ได้กำร และ ขาดทุน ในจำนวนที่รับความเสี่ยงได้

รู้จักแพลฟอร์มที่ใช้ในการเทรด

  • Meta Trader 4
    • ใช้งานง่ายและมีความเสถียร
    • มีฟังก์ชันการวิเคราะห์ที่หลากหลาย
    • รองรับการซื้อขายอัตโนมัติด้วย Expert Advisors
    • แพลตฟอร์มที่ได้รับการสนับสนุนจากโบรกเกอร์จำนวนมาก
  • ข้อเสีย:
    • อาจมีข้อจำกัดบางประการเมื่อเปรียบเทียบกับ MetaTrader 5
    • บางฟังก์ชันที่ซับซ้อนอาจต้องการการเรียนรู้เพิ่มเติม
  • Meta Trader 5
    • รองรับหลายประเภทของตลาดและผลิตภัณฑ์การลงทุน
    • ฟีเจอร์และเครื่องมือการวิเคราะห์ที่ก้าวหน้า
    • การพัฒนาและการใช้ Expert Advisors ที่มีประสิทธิภาพ
    • ระบบข่าวสารและปฏิทินเศรษฐกิจที่รวมอยู่ในแพลตฟอร์ม
  • ข้อเสีย:
    • มีความแตกต่างจาก MetaTrader 4 ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ MT4 ต้องใช้เวลาในการปรับตัว

รูปที่ 3: เรียนรู้แพลตฟอร์มเทรด ว่าใช้อะไรได้บ้าง ?

ตั้งเป้าหมายการเทรดและวางแผนการเงิน

เรื่องสำคัญที่สุดของเทรดเดอร์ทุกคน เมื่อเรียนรู้แล้ว จะต้องสร้างแผนในการเทรดให้ชัดเจน รวมทั้งวางแผนทางการเงินด้วย ซึ่งพวกเราขอแนะนำวิธีการดังต่อไปนี้ในการวางเป้าหมาย

สร้างเป้าหมายในการเทรดของตนเอง

  • ตั้งเป้าหมายว่าจะเทรด กำไรวันละกี่ %
    • กำไรวันละ 10% ของจำนวนเงินทุน
    • ขาดทุนวันละ 5% ของจำนวนเงินทุน
  • ช่วงเวลาในการเข้าเทรด
    • เทรดเฉพาะช่วง 15.00 – 21.00 น.
  • ใช้แผนการเทรดแบบ เข้าตาม แนวรับ / แนวต้าน
  • กลยุทธ์แผนการเทรดแบบ Day Trade
    • กำไร หรือ ขาดทุน ไม่มีการถือออเดอร์ค้างคืน

นี่คือส่วนหนึ่งของแผน หรือ เป้าหมายในการเทรด เพื่อสร้างกลยุทธ์ของตนเอง สำคัญมากหากคุณไม่มีแผน จะเท่ากับว่าคุณนั้น “เทรดมั่ว” นั่นเองครับ

วางแผนทางการเงิน

  • ใช้เงินลงทุน เงินในส่วนของการเก็บออม (เงินเย็น)
  • แบ่งเงินลงทุนเพียง 10% ของเงินออม

รูปที่ 4: กำหนดเป้าหมาย วางแผน แบ่งเงินลงทุนของตนเอง

เรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน

การวิเคราะห์ราคา หรือ พฤติกรรมของตลาด เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณรู้เท่าทัน และ ได้เปรียบในการเทรด ดังนั้นแล้วเครื่องมือสำคัญที่คุณจะต้องทราบมีด้วยกัน 3 ระบบ ดังนี้

Moving Average เพื่อช่วยให้เห็นแนวโน้มและลดความผันผวนของข้อมูลที่อาจเกิดจากความแปรปรวนที่มีลักษณะชั่วคราว

RSI ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์ตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์การลงทุน เพื่อประเมินสภาวะ “ซื้อเกิน” หรือ “ขายเกิน” ของสินทรัพย์ โดยจะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจในการซื้อหรือขายได้ดีขึ้น

Bolinger Band ช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์แนวโน้มและความผันผวนของตลาดได้ดีขึ้น และตัดสินใจในการซื้อหรือขายตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาด

รูปที่ 5: วิเคราะห์กราฟ ราคาของผลิตภัณฑ์ ใช้ Indicator ในการวิเคราะห์

ทดลองเทรดด้วยบัญชีเดโม

ทดสอบความลื่นไหลของกราฟ

  • ทดสอบด้วยการเช็คคู่กับ โบรกเกอร์อื่น ๆ หรือ Trading View
  • ตรวจสอบค่า Spread ก่อนการเทรดจริง

ทดสอบการใช้คำสั่งเทรด

  • ทดสอบเข้าออเดอร์ซื้อ-ขาย
  • ทดสอบการใช้ Pending Order

ทดสอบ Requote และ %Slippage

  • ทดสอบการเข้าซื้อ-ขาย ออเดอร์ แบบ One Click Trading
  • กำหนด TP / SL
  • ตรวจเช็คว่าได้ราคาตรงตามที่ต้องการหรือไม่

ถือได้ว่าเป็นข้อดีมาก ๆ สำหรับการที่โบรกเกอร์มีบัญชีทดลองให้ใช้ เพราะสามารถทดสอบถึงสภาพคล่องของผู้ให้บริการได้อย่างชัดเจน

รูปที่ 6: ทดสอบเทรดด้วยบัญชี DEMO ทดสอบค่า Spread และ ค่า Slippage ของบัญชีนั้น

เริ่มต้นด้วยการลงทุนต่ำและเพิ่มขึ้นเมื่อมั่นใจ

ใช้เงินลงทุน ที่เป็นเงินออม

  • เงินออม เลือก 10% มาเป็นเงินลงทุนในการเทรด
  • เป็นการต่อยอดเงิน 10% ที่ไม่กระทบกับการใช้เงินในชีวิต

ใช้จำนวนเงินทุนที่ต่ำ เพื่อทดสอบ และ ศึกษา

  • ใช้เงินทุนต่ำ เพื่อทดสอบ และ ศึกษาการเทรด Forex
  • ตัวอย่างเช่น

รูปที่ 7: เริ่มต้นด้วยการแบ่งเงินมาลงทุน ไม่กระทบกับการใช้ชีวิต

จัดการความเสี่ยงอย่างมีระเบียบ

ยอมรับความเสี่ยง

  • มีการกำหนด SL ตามแผนที่ยอมรับความเสี่ยงได้
  • หากคุณ โอเวอร์เทรด คุณต้องมีการยอมรับความเสี่ยง
    • แต่ปกติแล้วไม่แนะนำสำหรับมือใหม่ หรือ ผู้ประสบการณ์น้อย

รูปที่ 8: จัดการความเสี่ยงอย่างมีระบบ ไม่โลภ ยอมแพ้ในจุด SL

ติดตามและประเมินผลการเทรดของคุณ

ตรวจสอบกำไร / ขาดทุน

  • ตรวจสอบว่าได้กำไรเท่าไหร่
  • ขาดทุนไปเท่าไหร่ ?
  • เปรียบเทียบกำไรในแต่ละวัน, สัปดาห์, เดือน และ ต่อปี

ตรวจสอบอัตราการชนะ

  • ในทุกออเดอร์ที่เข้าซื้อ-ขาย
  • ออเดอร์ไหนบ้างที่ TP
  • ออเดอร์ไหนบ้างที่ SL

มีการสรุปข้อมูลประจำเดือน ประจำวัน

  • เปรียบเทียบกำไรในแต่ละวัน
  • กำไรประจำสัปดาห์
  • กำไรประจำเดือน

รูปที่ 9: ประเมินผลการเทรด รายวัน รายเดือน รายปี

เรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

ศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ

  • อ่านหนังสือเกี่ยวกับ Forex
    • เพราะมีหลายเรื่องที่คุณเองอาจจะยังไม่รู้
  • ศึกษาแผนการเทรดแบบใหม่
  • เข้าร่วมสังคมเทรด เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล
  • พัฒนาตนเอง ด้วยการเปิดรับความคิดเห็นใหม่ ๆ
    • อ่านรีวิวโบรกเกอร์จากเว็บไซต์อื่น
    • หรือ ศึกษาต่อยอดเกี่ยวกับการเทรด Forex

รูปที่ 10: พัฒนาตนเองอยู่เสมอ เปิดรับความรู้ใหม่ ๆ สังคมเทรดจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้กันเสมอ

หากจะมองว่าการหารายได้จาก Forex นั้นเป็นเรื่องที่ง่าย ก็ไม่ใช่ความคิดที่ผิดอะไรครับ แต่สิ่งที่ต้องทำหลังจากที่ได้เข้ามาเรียนรู้แล้วนั่นก็คือ การมีแผน, การตั้งเป้าหมาย, การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม รวมไปถึง การประเมินและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามการจะสร้างกำไรได้อย่างมั่นคงจะต้องใช้เวลากับความพยายามเป็นอย่างมาก โดยขั้นตอนทั้ง 10 วิธีนี้จะทำให้คุณมีภูมิคุ้มกันในการเข้าสู่ตลาด Forex ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *